วิสัยทัศน์
เป็นศูนย์กลางการพัฒนานักกฎหมาย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นและตอบสนองต่อการ เปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคดิจิทัล
“To be a center for developing legal professionals to support local development and respond to societal changes in the digital era.”
ปรัชญา
มุ่งสร้างนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ โดยการประยุกต์ใช้ทักษะวิศวกรสังคมกับการสร้างนัก กฎหมายที่มีศักยภาพ จรรยาบรรณ จริยธรรม เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองความต้องการ ของท้องถิ่นและประเทศชาติอย่างยั่งยืน
พันธกิจ
1. พัฒนาการเรียนการสอน และหลักสูตรระยะสั้นเพื่อรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี
2. ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมทางกฎหมาย การวิเคราะห์ข้อมูลทางกฎหมาย โดยผสานความร่วมมือกับสถาบันวิจัย องค์กร ภาครัฐและเอกชนในระดับชาติ
3. ให้บริการวิชาการเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น สังคม และบูรณะทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย อย่างยั่งยืน โดยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านนิติศาสตร์ ทักษะและกระบวนการวิศวกรสังคม
4. สร้างเครือข่ายและความร่วมมือทางด้านวิชาการกับหน่วยงานด้านกฎหมาย ชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นและสังคมอย่างยั่งยืน
5. พัฒนาระบบการบริหารและการบริการให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โปร่งใส โดยยึดหลักธรรมาภิบาล
ค่านิยมหลัก
| L – Lifelong Learning |
| A – Adaptability |
| W – Wisdom |
| S – Sustainability |
| R – Responsibility |
| U – Unity |
นโยบายการบริหาร
จากการศึกษา SWOT และความสอดคล้องกับพันธกิจ SDGs และยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย พบว่า แนวทางการพัฒนาระบบบริหารงานคณะนิติศาสตร์ควรมุ่งเน้น การลดอัตราการออกลางคันของ นักศึกษา ยกระดับมาตรฐานการศึกษาและความพร้อมของบัณฑิตในการสอบอัยการและผู้พิพากษา การ พัฒนาอาจารย์และงานวิจัย การยกระดับการบริหารและบริการวิชาการ การสร้างความสามารถในการ แข่งขัน โดยการพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย เสริมสร้างศักยภาพของนักศึกษาและอาจารย์ เพื่อช่วยให้คณะ นิติศาสตร์สามารถผลิตนิติศาสตร์ที่มีศักยภาพ ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานและ สังคมได้อย่างแท้จริง โดยมีนโยบายที่สำคัญดังต่อไปนี้
นโยบายที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสังคมดิจิทัลแนวทางการพัฒนา
1. พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกให้ครอบคลุมประเด็น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น กฎหมายไซเบอร์ กฎหมายว่าการปัญญาประดิษฐ์ (AI Law) กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law) และกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล
2. ส่งเสริมแนวทางการเรียนแบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary Learning) โดยผสานกฎหมาย เข้ากับศาสตร์อื่น เช่น เทคโนโลยี การเงิน และการบริหารธุรกิจ
3. พัฒนาหลักสูตรระยะสั้นที่สนับสนุน Legal Tech เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาใช้ เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานกฎหมาย
4. พัฒนาหลักสูตรระยะสั้นเพื่อรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของบุคคลในทุกช่วงวัย และเพิ่ม หลักสูตรที่มีเนื้อหาเข้มข้นในรายวิชาหลักที่เกี่ยวข้องกับข้อสอบอัยการและผู้พิพากษา
5. ปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับแนวโน้มกฎหมายในปัจจุบันและมีการวิเคราะห์แนวโน้มการ ออกข้อสอบในแต่ละปี เพิ่มให้บริการเป็นศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับเตรียมการสอบเนติบัณฑิต และการแนะ แนวทางวิชาการให้คำแนะนำแก่เตรียมตัวสอบเป็นรายบุคคล
6. จัดโครงการติวเข้มและจำลองการสอบเนติบัณฑิต โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เช่น อัยการ ผู้พิพากษา หรือศิษย์เก่าที่สอบผ่าน มาเป็นติวเตอร์ จัด Mock Exam (สอบจำลอง) เป็นระยะๆ โดยให้ รูปแบบการสอบเหมือนจริง พร้อมการเฉลยและวิเคราะห์คำตอบ
7. สร้างระบบที่ปรึกษาด้านการสอบเนติบัณฑิต ส่งเสริมให้นักศึกษามีที่ปรึกษาวิชาการที่ช่วยแนะ แนวทางการเตรียมตัวและการอ่านหนังสือ เสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการเขียนคำตอบ ตลอดจนการ ลงมือทำข้อสอบและแนวคำตอบที่ดี
8. สร้างแรงจูงใจผ่านการประกาศรางวัล สร้าง Hall of Fame สำหรับศิษย์เก่าที่สอบผ่าน เพื่อเป็น แรงบันดาลใจให้รุ่นน้อง
9. ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเตรียมตัวสอบ นำ AI มาช่วยวิเคราะห์แนวข้อสอบจากข้อมูล ย้อนหลัง เพื่อช่วยให้นักศึกษาเตรียมตัวได้ตรงจุด
นโยบายที่ 2 การพัฒนานักกฎหมาย 4.0 ให้มีทักษะเชิงปฏิบัติและการเรียนรู้จาก ประสบการณ์จริง
แนวทางการพัฒนา
1. ส่งเสริมโครงการคลินิกกฎหมาย (Legal Clinics) มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่นและความเป็นธรรม ทางสังคม เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง ให้คำปรึกษากฎหมายกับประชาชน และเสริมสร้างจิตสำนึกด้าน ความยุติธรรม โดยมีงานในการพัฒนากฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายเพื่อสังคม ผ่านองค์ความรู้ เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิทธิมนุษยชน และกฎหมายธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise Law) โดย ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายขึ้น เช่น Legal Aid Online, แอปพลิเคชันช่วยเหลือด้านกฎหมาย
2. ศาลจำลอง (Moot Court) อย่างต่อเนื่องเพื่อฝึกทักษะการว่าความและการตีความกฎหมายใน สถานการณ์จริง
3. ส่งเสริมการใช้ E-Learning และแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ เช่น Law School AI โดยการ ใช้การร่วมกับ ChatGPT หรือ Gemini หรือ Open AI อื่นๆ ประกอบการเรียนรู้
4. ส่งเสริม Cooperative and Work Integrated Education (CWIE) ผ่านการฝึกงานกับ สำนักงานกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐ และ ภาคเอกชน โดยการประยุกต์ใช้ LegalTech เช่น ซอฟต์แวร์ บริหารจัดการคดี การร่างสัญญาอัตโนมัติ และแอปพลิเคชันให้คำปรึกษากฎหมายออนไลน์
5. พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์และ Hybrid Learning เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ แบบยืดหยุ่นและตอบสนองนักศึกษาให้สามารถทำงานเชิงรุกและปรับตัวได้ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงเร็ว มี ความสามารถในการวิเคราะห์แนวโน้มกฎหมายและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มี ความเข้าใจระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจข้ามชาติ รวมถึงมี Soft Skills เช่น ทักษะการเจรจาต่อรอง การสื่อสาร และความสามารถในการทำงานเป็นทีม
6. พัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อรองรับความต้องการของผู้เรียน โดยจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้าน วิชาการและนิติวิทยาเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนและแนวทางแก้ไขปัญหาส่วนตัวของนักศึกษา จัด โครงการที่เลี้ยงทางวิชาการ (Mentorship Program) โดยให้นักศึกษารุ่นพี่หรืออาจารย์ช่วยดูแลและแนะ แนวเส้นทางการเรียน และจัดหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักศึกษาใหม่ เพื่อเสริมพื้นฐานวิชาการและ ทักษะที่จำเป็น
นโยบายที่ 3 การพัฒนาเทคโนโลยีและระบบการเรียนการสอนออนไลน์
แนวทางการพัฒนา
1. จัดทำ E-Learning Platform สำหรับการเรียนรูDทางกฎหมายแบบออนไลน์ที่มีคุณภาพสูง
2. นำเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มาใช้ในการจำลองห้องพิจารณาคดีเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ รวมถึงการนำระบบ e-Learning มาใช้ในการเรียนการสอน
3. สนับสนุนการใช้งานระบบ AI Legal Assistant เพื่อช่วยในการศึกษากฎหมาย
4. พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางกฎหมายออนไลน์ (Legal MOOC) เพื่อเป็ดโอกาสให้ผู้เรียน จากภายนอกเข้าถึงความรู้
นโยบายที่ 4 การส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมทางกฎหมาย
แนวทางการพัฒนา
1. สนับสนุนการวิจัยด้านกฎหมายดิจิทัล กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิทธิมนุษยชน และ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
2. ส่งเสริมการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์คดีและพัฒนาระบบ กฎหมายอัจฉริยะ
3. เพิ่มจำนวนอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยการจัดโครงการอบรมและพัฒนาอาจารย์ ให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายไซเบอร์ กฎหมายทรัพย์สินทาง ปัญญา
4. การพัฒนางานวิจัยและสร้างเครือข่ายการสร้างระบบพี่เลี้ยงงานวิจัย โดยการสร้างระบบที่เอื้อ การฝึกอบรม การเข้าร่วมกลุ่มวิจัย และการสนับสนุนทุนวิจัย สำหรับนักวิจัยทุกระดับ (ต้น กลาง และ เชี่ยวชาญ)
5. ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักวิจัยอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับชาติและนานาชาติ และสนับสนุนการทำวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ
6. การสร้างเครือข่ายทางวิชาการ โดยส่งเสริมการจัดประชุมวิชาการทั้งระดับชาติและนานาชาติ สนับสนุนการเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ และส่งเสริมการเข้าร่วมเครือข่ายทางวิชาการ โดยเฉพาะ ระดับประเทศและนานาชาติ
7. การส่งเสริมการวิจัยเพื่อสังคมและการพัฒนาผลงานวิชาการการรวมกลุ่มวิจัย โดยส่งเสริมการ รวมกลุ่มวิจัยเฉพาะทาง วิจัยข้ามศาสตร์ และวิจัยระหว่างหน่วยงาน เข้าร่วมวิจัยที่แก้ปัญหาของชุมชน ท้องถิ่น เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านการวิจัยเพื่อสังคม ด้านการตีพิมพ์ผลงานวิจัย ส่งเสริมให้อาจารย์ประจำ ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 1 และฐานข้อมูลระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ด้านการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย หรือที่ ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ ได้นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการสอน การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม หรือใช้ ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และนำไปพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
นโยบายที่ 5 การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ บุคลากรและระบบการบริหาร
แนวทางการพัฒนา
1. สนับสนุนอาจารย์ให้เข้าร่วมอบรมในด้านกฎหมายสมัยใหม่
2. จัดอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา (EdTech) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน และการประเมินผล
3. อบรมเทคนิคการสอนกฎหมายแนวใหม่ เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสอน การเรียนการ สอนแบบ Problem-Based Learning (PBL)
4. ส่งเสริมอาจารย์ให้มีการในการให้คำปรึกษากฎหมายแก่ ภาครัฐ เอกชน และ ภาคประชาสังคม
5. ปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหาร จัดการ เช่น ระบบ e-Governance และ AI มาใช้ในการจัดการเอกสารและงานธุรการ
6. พัฒนาระบบบริหารงบประมาณและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพ โดยจัดสรรงบประมาณ ภาระงาน อย่างเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาจารย์ การวิจัย และกิจกรรมนักศึกษา
นโยบายที่ 6 การเสริมสร้างภาพลักษณ์การพัฒนาสังคมท้องถิ่นและจริยธรรมทาง กฎหมาย
แนวทางการพัฒนา
1. เสริมการศึกษาด้านกฎหมายเพื่อสังคมและสิทธิมนุษยชน เพื่อให้นักศึกษามีความรับผิดชอบต่อ สังคมและท้องถิ่น
2. เพิ่มการให้บริการวิชาการเพื่อขับเคลื่อนโครงการวิศวกรสังคม โดยให้นักศึกษาและอาจารย์นำ องค์ความรู้ด้านนิติศาสตร์ไปช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เช่น คลินิกกฎหมาย ออนไลน์ โครงการ Pro Bono (ให้คำปรึกษากฎหมายฟรีแก่ประชาชน) โครงการ Legal Volunteer หรือ กิจกรรมอาสาด้านกฎหมาย เพื่อให้บริการช่วยเหลือประชาชน
3. จัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษากฎหมายชุมชน เพื่อให้คำแนะนำด้านกฎหมายแก่ประชาชน
4. จัดทำโครงการคลินิกกฎหมายเคลื่อนที่เพื่อให้บริการด้านกฎหมายในพื้นที่ชุมชนท้องถิ่น
5. ปลูกฝังจริยธรรมวิชาชีพกฎหมายและความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่นักศึกษา
6. พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมกฎหมายในระดับท้องถิ่น ด้วยการจับมือกับองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันจัดโครงการส่งเสริมสิทธิชุมชนและ สิ่งแวดล้อม
